วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

คุณค่าของวาจา



       พูดมากนั้นมีอะไรดี  ดูกบในหนองน้ำซิ  มันร้องตะเบ็งเสียงอยู่ทั้งวันทั้งคืน  จนลิ้นแห้งปากห้อย  ร้องจนคอแทบแตกอยู่แล้ว  ยังไม่เห็นมีใครสนใจเลย  แทนที่จะเป็นผลดีกลับเป็นผลร้ายต่อตัวเอง

       มีอาจารย์กับลูกศิษย์กำลังสนทนาถึงเรื่องของการพูดว่า  การพูดในรูปแบบใดจะก่อให้เกิดประโยชน์หรือโทษ  ทั้งสองสนทนากันอย่างออกรส  พอมาถึงช่วงที่อาจารย์เปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ถาม  ลูกศิษย์ก็ปล่อยคำถามออกไปอย่างฉะฉานทันทีว่า
       "ท่านอาจารย์ครับ  มีคุณอันใดอยู่หรือไม่ในการเป็นคนช่างเจรจาพาที ?" ฝ่ายอาจารย์กผ้ให้การสัชนาว่า  "พูดมากนั้นมีอะไรดี  ดูกบในหนองน้ำซิ  มันร้องตะเบ็งเสียงอยู่ทั้งวันทั้งคืนจนลิ้นแห้งปากห้อย  ร้องจนคอแทบแตกอยู่แล้ว  ยังไม่เห็นมีใครสนใจเลย  แทนที่จะเป็นผลดีกลับเป็นผลร้ายต่อตัวเอง  ใครที่ได้ยินเสียงกบ  ต่างก็ถืออาวุธเพื่อหวังไปปองร้ายนำมาเป็นอาหารทั้งสิ้น  แต่ตรงกันข้ามกับเสียงของไก่ที่ขันบอกเวลาให้แก่คน  แม้จะขันเพียงสองหรือสามครั้งเมื่อตอนใกล้รุ่ง  แต่ทุกคนกลับเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ  เพราะรู้ว่่าเสียงขันของไก่ที่ดังขึ้น  เป็นสัญญาณบอกว่าอีกไม่นานจะรุ่งสางแล้ว  ดังนั้นเวลาจะพูดสิ่งใด  จงพูดแต่พอดีและจงพูดก็ต่อเมื่อมีเป้าหมาย"

       ข้อคิด...
       คำพูดที่คนเราเปล่งออกมาแต่ละครั้ง  ถือว่าเป็นพลังของการเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะใหม่เสมอ  อาจเป็นไปในทางที่ดีหรือเลวร้ายก็อยู่ที่เราผู้ออกคำสั่งเป็นหลัก  ด้วยเหตุที่คำพูดล้วนมาจากใจเป็นผู้กรองข้อมูลของถ้อยคำ  ปราชญ์จึงเตือนให้รู้จักคิดเสียก่อนแล้วจึงค่อยพูด  เพราะเมื่อเปล่งวาจาออกไปแล้ว  นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรตามมา  สุนทรภู่  กวีเอกแห่งแผ่นดินสยามจึงกล่าวให้ข้อคิดเกี่ยวกับการพูดไว้ว่า
             
                                ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์        มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
                                แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร      จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น